ยูโร 2024 ปิดฉากไปได้ด้วยดีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค. โดยสเปนคว้าชัยหลังเอาชนะอังกฤษ 2-1 ทำให้พวกเขาเป็นประเทศแรกที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้ 4 สมัย
สำหรับนักเตะ สโมสรฟุตบอล ลิเวอร์พูล ที่เป็นตัวแทนประเทศของตนที่มีโอกาสได้ลงแข่งเกือกม้าในทัวร์นาเมนต์นี้ หลายคนทำผลงานได้ดีเยี่ยม และบางคนก็ต้องพบกับความผิดหวัง
แน่นอนว่าแฟนๆ ค็อปคงอยากรู้ว่านักเตะจากสโมสรโปรดของพวกเขาได้รับกี่แต้มจากการเดินทางไปติดทีมชาติ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีคนสร้างงานดีมีคุณภาพมากมาย และเขาอาจจะเป็นความหวังของหงส์แดงที่จะสู้เพื่อแชมป์ในฤดูกาล 2024/2568
10 อันดับนักเตะ
1.แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน: 6/10
กัปตันทีมชาติสกอตแลนด์ ล้มเหลวในการช่วยให้ทีมชาติสกอตแลนด์เป็นทีมแรกที่ตกรอบแบ่งกลุ่มยูโรบนดินเยอรมัน ฟอร์มการเล่นของเขาถือว่าไม่โดดเด่น แต่ก็ไม่ได้แย่ เพราะอย่างน้อย “ร็อบโบ้” ยังคงเป็นนักเตะที่มีอิทธิพลต่อทัพ “ตาตาร์” อยู่เสมอ
2. โดมินิค โซบอซไล: 6.5/10
ฮังการี เก็บกระเป๋ากลับบ้านหลังรอบแบ่งกลุ่ม เช่นเดียวกับ สกอตแลนด์ และ “โซโบ” ทำ 1 แอสซิสต์ในฐานะกัปตันทีมชาติ แม้ว่าผลงานในสนามอาจไม่ได้รับการยกย่องมากนักก็ตาม แต่เรื่องน้ำใจก็ต้องยอมรับว่ามีเกินร้อยคน เขาเป็นคนแรกที่รีบไปช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมเมื่อเพื่อนร่วมทีมบาร์นาบัส วาร์กาหมดสติลงหลังจากการปะทะกันอย่างดุเดือดกับผู้รักษาประตูสกอตแลนด์ แองกัส กันน์
3. เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์: 7/10
ในช่วงเริ่มต้นของการทัวร์ “ตัวแทนของเทรนท์” ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้เริ่มต้นในตำแหน่งกองกลาง จากนั้นเขาก็ถูกทิ้งลงแทน นอกจากนี้เขาไม่ได้ลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศ แต่สตาร์หงส์แดงคือผู้เล่นที่สร้างโอกาสให้สิงโตคำรามในรอบแบ่งกลุ่มมากที่สุดแม้ว่าเขาจะลงสนามน้อยกว่าผู้เล่นคนอื่นก็ตาม แม้ว่าเขาจะเสียตำแหน่งตัวจริงในตำแหน่งกองกลางก็ตาม อย่างไรก็ตาม เขามีชื่อเสียงในฐานะผู้ชนะการยิงลูกโทษ สวิตเซอร์แลนด์เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย
4. โคดี้ กักโป: 8.5/10
ถือเป็นทัวร์นาเมนต์ที่น่าจดจำมากสำหรับกักโป ซึ่งผู้เล่นทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในตำแหน่งปีกซ้ายที่เขาต้องการ และทำให้เขามีผลงานที่ดี โดยยิงได้ 3 ประตู และได้รับรางวัลดาวซัลโวร่วม น่าเสียดายในเกมกับอังกฤษในรอบเพลย์ออฟ สตาร์ชาวดัตช์ไม่สามารถอวดฟอร์มที่ดีได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ถือเป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาควรเล่นในตำแหน่งที่จะนำผลประโยชน์สูงสุดมาสู่ลิเวอร์พูล
5. เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค: 7/10
แม้จะโดนวิจารณ์ผลงานในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม แต่ฟาน ไดจ์คยังคงเป็นหัวใจสำคัญของเนเธอร์แลนด์ ที่สำคัญผลงานโดยรวมของเขาน่าประทับใจมาก แต่ต้องขอบคุณระบบสนับสนุนของ “ฟลายอิ้ง ดัชแมน” ทำให้เกิดความไม่สมดุลที่ทำให้ทีมเสียประตูในหลายนัด แน่นอนว่าการวิจารณ์กัปตันทีมหงส์แดงถือว่าไม่ยุติธรรมเมื่อเทียบกับผลงานของเขา
6. ดิโอโก้ โชต้า: 6/10
โอกาสลงสนามเชื่อว่ามีน้อยมาก เพราะผู้จัดการทีมไม่ค่อยยอมให้นักเตะลงเล่นเพราะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือนักเตะหลักที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่โชต้าลงสนาม เกมรุกของโปรตุเกสจะมีมิติที่แตกต่างออกไป และอันตรายกว่านั้น หลายๆ คนเชื่อว่าหากเขาได้รับความไว้วางใจจากผู้จัดการทีม โรแบร์โต มาร์ติเนซ มากกว่านี้ เขาก็น่าจะฟอร์มเยี่ยมได้ สามารถรับได้จากผู้เล่น
7. โจ โกเมซ: ไม่มีแต้ม
ถือเป็นนักเตะรอบด้านที่พร้อมลงเล่น แต่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ไม่เคยให้โอกาสเขาเลย และฉันต้องกลับบ้านพร้อมกับบันทึกอันอบอุ่นของการยืนข้างสนามโดยไม่ได้ลงเล่นแม้แต่นาทีเดียว
8. อิบราฮิมา โคนาเตะ: ไม่ได้แต้ม
สถานการณ์จะเหมือนกับของโกเมซแต่ต้องยอมรับว่าแนวรับฝรั่งเศสแข็งแกร่งและเจาะทะลุได้ยาก
9. Ryan Grafenberg: ไม่มีคะแนน
การถูกเรียกติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม เพราะก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีอนาคตเนื่องจากมีปัญหากับ โรนัลด์ คูมัน ผู้จัดการทีมหมี เชื่อกันว่าเขาจะมีโอกาสมากขึ้นในทัวร์นาเมนต์หน้า
10. วิเตซสลาฟ จารอส: ไม่มีแต้ม
มีสถานะเป็นเพียงยางอะไหล่ของ จินดริช สตาเน็ก มือ 1 ทีมชาติเช็ก ที่ยังได้รับใบเหลืองและไม่ได้ลงสนาม เนื่องจากความสับสนในช่วงพ่ายแพ้ต่อตุรกี 1-2 ในกลุ่มเอฟ